ถังเก็บลมอัดสำคัญอย่างไร
ถังเก็บลมอัด หรือ Compressed Air Receiver Tank เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยทำให้การจ่ายลมอัดคงที่สม่ำเสมอ เพียงพอต่อการจ่ายลมอัดให้กับสายงานหรืออุปกรณ์ต่างๆในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากจะเป็นการสำรองปริมาณลมอัดไว้สำหรับการใช้งานแล้ว ยังมีประโยชน์สำหรับการทำให้ความดันในระบบเท่ากัน เพื่อลดแรงกระแทรกที่เกิดขึ้นจากการอัดของลูกสูบ และเพื่อรักษาความดันในระบบให้สม่ำเสมอ เราสามารถสรุปประโยชน์ของถังเก็บลมอัดได้ดังต่อไปนี้
- ช่วยลดปริมาณความชื้นที่อยู่ในลมอัด และช่วยขจัดฝุ่นละออง, น้ำมัน เช่น น้ำมันที่ใช้ในการล่อลื่น Compressor ที่ติดมาในลมอัด จะมีโอกาสตกลงสู่ก้นถัง รวมถีงพวกฝุ่นละอองต่างๆ จะได้มีโอกาสระบายออกจากลมอัด
- ช่วยลดแรงกระแทรกและทำให้การไหลของอากาศไปตามท่อจ่ายลมหลักสม่ำเสมอ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการใช้เครื่องอัดลมชนิดลูกสูบ (reciprocating) อัดอากาศ
- เพื่อช่วยลดต้นทุน เนื่องจากเครื่องอัดลมไม่ต้องเดินเครื่องอยู่ตลอดเวลา ทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของกระแสไฟฟ้าได้
เนื่องจากเป็นถังความดันจึงจำเป็นต้องถูกเสร้างขึ้นให้ถูกต้องและได้มาตรฐาน เช่นการใช้แผ่นโลหะที่มีความหนาอย่างเพียงพอและการเชื่อมตัวถังที่ต้องกระทำอย่างถูกต้อง เพื่อให้สามาถทนต่อความกดดันของอากาศที่อยู่ภายใน
การใช้ ถังเก็บลมอัด ที่มีขนาดใหญ่ จะมีพื้นผิวของถังพักอากาศที่มาก จึงทำให้เกิดการส่งความร้อนของแรงดันอากาศไปยังบรรยากาศภายนอกของถังลมอย่างรวดเร็ว
และเมื่ออากาศแรงดันมีอุณหภูมิลดลงไอน้ำที่ติดมากับลมอัดบางส่วนจะถูกกลั่นตัวเป็นหยดน้ำอยู่ภายในถังลมอัดนี้ ดังนั้นต้องหมั่นเปิดวาล์ระบายน้ำ (Water drain cock) ทุกวัน
นอกจากนี้ถังเก็บลมยังจำเป็นต้องมีลิ้นควบคุมความปลอดภัย (Safety valve) เพื่อระบายความดันที่เกินออกสู่บรรยากาศได้
ดังนั้น วาล์ระบายน้ำที่กลั่นตัวและเกจวัดความดันจำเป็นต้องติตดั้งอยู่ที่ถังเก็บลมอัดด้วย และท่อทางระหว่างปั๊มลมหรือ Air Compressor มายังถังเก็บลมอัดควรจะมีลิ้นกันกลับติดอยู่ด้วย
การคำนวนหาขนาดของถังเก็บลมอัด
ขนาดของ ถังเก็บลมอัด เป็นสิ่งสำคัญกับระบบนิวแมติกส์เป็นอย่างมาก ถ้าเลือกใช้ถังลมอัดที่มีขนาดเล็กเกินไปก็จะทำให้ปริมาณลมที่จ่ายให้กับระบบไม่เพียงพอและทำให้การทำงานของเครื่องจักรผิดพลาด แต่ถ้าเลือกใช้ถังลมที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป ก็จะทำให้เกิดการสิ้นเปลืองในการลงทุน เพราะถังลมที่มีขนาดใหญ่จะมีราคาแพง วิธีการเลือกขนาดของถังลมอัดมีขั้นตอนดังนี้
1.คำนวณหาปริมาณการใช้อากาศของระบบการควบคุมในเครื่องจักร Q2 ว่าใช้เท่าใด โดยสามารถคำนวณจากปริมาตรของอุปกรณ์ทำงานทั้งหมดของระบบที่ทำงานภายใน 1นาที ว่าใช้ลมกี่ลูกบาศก์เมตร
2.คำนวณหาปริมาณการจ่ายลมของเครื่องอัดอากาศ Q1 ที่ควรใช้จ่ายในระบบได้ ถ้าการใช้ปริมาณลมของเครื่องจักรไม่เปลี่ยนแปลง จะคำนวณโดยเอาค่า 1.3 คูณ คือต้องสูงกว่าระบบต้องการ 20%
Q1 = 1.3xQ2
เมื่อได้ค่า Q1 แล้วก็จะทราบว่า เครื่องอัดลม ควรมีอัตราการจ่ายลมไม่น้อยกว่านี้ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกเครื่องอัดลมรุ่นต่างๆ ตามลิ้งนี้ หรือติตต่อสอบถามเพิ่มเติมที่ได้ sales@kaowna.co.th
3.ระบบการตัดต่อมอเตอร์ของเครื่องอัดลมต่อชั่วโมงถ้าถังเก็บลมอัดมีขนาดเล็กเกินไปก็จะทำให้มอเตอร์ของเครื่องอัดลมทำงานหนัก ทำให้อายุการใช้งานของมอเตอร์สั้นลง แต่ถ้าถังเก็บลมอัดมีขนาดใหญ่เกินไปก็จะทำให้มอเตอร์ของเครื่องอัดลมทำงานน้อยครั้งแต่จะเกิดการสิ้นเปลืองเนื่องจากถังเก็บลมอัดที่มีขนาดใหญ่ราคาแพง ในทางปฎิบัติแล้วระบบการตัดต่อมอเตอร์ที่เหมาะสมจะอยู่ระหว่าง 10-20 ครั้งต่อชั่วโมง
4.ค่าแรงดันแตกต่างในท่อทาง ΔP หมายถึงแรงดันของลมที่จ่ายให้กับระบบกับแรงดันลมของระบบ ซึ่งความดันแตกต่างนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากท่อลมของระบบ, ลมที่ผ่านวาล์วต่างๆจะทำให้เกิดแรงดันตกคล่อม (Presuse drop)